Land Rover Discovery 2017 Full-Size 7 ที่นั่ง เจเนอเรชั่นที่ 5

TEST DRIVE

ถือเป็นการปรับโฉมที่ค่อนข้างชัดเจน จากรุ่นเก่าๆ หรือเจเนอเรชั่นเก่า กับ All New Land Rover Discovery ​ เป็น​รถเอสยูวีอเนกประสงค์ขนาดใหญ่หรือ Full-Size ที่มาแบบ 7 ที่นั่ง 3 แถว​ ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 5​ กับ 27 ปีที่ทำตลาดมา

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเปลี่ยนเจเนอเรชั่นใหม่แล้วก็ตาม แต่ Land Rover Discovery 2017 ก็ยังคงไว้ที่อัตลักษณ์ดีไซน์​ของรถตระกูลดิสคัฟเวอรี่เอาไว้ครบครัน แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อัดแน่นในรถรุ่นนี้ ซึ่งครั้งนี้ทางทีมงานได้มีโอกาสดี ที่จะได้สัมผัส Land Rover Discovery 2017 รุ่นใหม่แกะกล่องนี้แบบเต็มๆ

สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดยามเมื่อเห็น Land Rover Discovery  เห็นจะหนีไม่พ้นรูปร่างที่ใหญ่โตและโค้งมนขึ้น ภายในตัวรถนอกจากมีความกว้างขวางขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความสะดวกสบาย และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย เทคโนโลยีของรถเข้าสู่ดิจิทัลอย่างครบสมบูรณ์ และเหนือสิ่งอื่นใด Land Rover Discovery 2017 สามารถขับขี่ได้ทุกสภาพภูมิประเทศ ทุกพื้นผิวถนนและในทุกสภาวะอากาศ ที่นั่งปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย รถเอสยูวีขนาดใหญ่ ที่เหมาะสำหรับทุกสภาพภูมิประเทศ ทุกพื้นผิวถนนและในทุกสภาวะอากาศ โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาขึ้นถึง 480​ กก. สามารถลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม มีระบบ Advanced Tow Assist ช่วยการทรงตัวระหว่างลากจูง การออกแบบที่คงรักษาเอกลักษณ์ของรถตระกูลดิสคัฟเวอรี่ โดยเพิ่มสัดส่วนที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด

          พื้นที่สำหรับทุกสิ่ง เนื้อที่เก็บสัมภาระมากถึง 2,500 ลิตร และความชาญฉลาดในการใช้พื้นที่จัดเก็บของเพื่อตอบโจทย์ความจำเป็นของครอบครัวในยุคนี้ กับระบบดิจิทัลที่ครบสมบูรณ์ด้วยพอร์ต USB จำนวนมากถึง 9 พอร์ต จุดชาร์จไฟ ขนาด 12 โวลต์ จำนวน 6 จุด และฮอตสปอต 3G Wi-Fi สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในรถสูงสุด 8 เครื่อง นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความบันเทิง InControl Touch Pro ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ในตำแหน่งแผงหน้าปัดกลาง ส่งผลให้ลดจำนวนสวิตช์บนแผงหน้าปัดลงได้ถึง 1 ใน 3 พร้อมภาพกราฟิกที่คมชัดและเมนูที่ใช้งานง่าย 

การเชื่อมต่อไม่มีสะดุดกับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผสานกับ​ระบบเสียงจาก​ Meridian​ ที่มีลำโพง 14 ตัว พร้อมด้วยซับวูฟเฟอร์ มอบประสบการณ์ในการรับฟังที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมเพลงออนไลน์หรือการเล่นเพลงโดยตรงจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ จุดชาร์จไฟขนาด 12 โวลต์มากถึง 6 จุด ช่องเสียบสาย USB ที่มีถึง 7 จุด หรือมากถึง 9 จุดเมื่อมีการติดตั้งชุดความบันเทิงสำหรับที่นั่งตอนหลัง ทำให้ผู้โดยสารในแต่ละแถวสามารถใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ในเวลาเดียวกัน

คุณสมบัติด้านเทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่ง คือ สายรัดข้อมือ แอคทิวิตี้ คีย์ (Activity Key) เทคโนโลยีอันทันสมัยของแลนด์โรเวอร์ที่ทำให้ลูกค้าสามารถไปเล่นกีฬา วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือทำงานอดิเรกต่าง ๆ โดยไม่ต้องถือกุญแจรถยนต์ไปด้วย สามารถเก็บกุญแจไว้ภายในรถได้อย่างปลอดภัย

ลูกค้าสามารถเลือกปรับวัสดุตกแต่งห้องโดยสาร 7 แบบ และปรับเฉดภายในห้องโดยสาร 5 แบบ และมีล้ออัลลอยให้เลือก 14 ลาย, สีตัวถัง 18 สี

Land Rover Discovery ​​ มาพร้อมกับขุมพลัง เครื่องยนต์ดีเซล TD6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้แรงม้ามากถึง 258 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุดถึง 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าสูงมากๆ เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ดังนั้นการขับผ่านอุปสรรคต่างๆ จึงผ่านได้แบบสบายๆ แทบจะไม่ต้องแตะคันเร่งกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด พร้อมตัวช่วยในการขับขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ตัวถังอะลูมิเนียมแบบไร้โครงที่ทนทานแต่มีน้ำหนักเบา​คงรักษาความสามารถการขับขี่ในทุกสภาพภูมิประเทศ ด้วยความสามารถอันมีชื่อเสียงของแลนด์โรเวอร์ในการลุยน้ำลึกสูงสุดที่ 900 มิลลิเมตร​ เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 200 มิลลิเมตร 

อย่างไรก็ตาม Land Rover Discovery ยังคงมุ่งเน้นไปที่ฐานลูกค้าผู้ใช้ดิสคัฟเวอรี่รุ่นก่อนหน้า ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่มีความผูกพันกับแบรนด์แลนด์โรเวอร์มายาวนาน จึงมอบข้อเสนอพิเศษด้วยการผ่อนชำระได้นานสูงสุด 96 เดือน และ Worry-Free-Program นาน 5 ปี ซึ่งประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิต โปรแกรมซ่อมบำรุงตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนน 24 ชั่วโมงโดยราคาค่าตัวนั้นถือว่าไม่เบาเช่นกัน Land Rover Discovery รุ่น SE อยู่ที่  6,499,000 บาท และ
Land Rover Discovery รุ่น HSE ราคา 6,999,000 บาท


Related Posts