สวัสดีครับ ข้อมูลนี้ได้จากการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ใช่ข้อมูลภายในบริษัทผลิตสินค้า กรณีต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาสอบถามจากผู้แทนจำหน่าย รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในคันแรกของโลก มีขึ้นในปี 1903 ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อวิบากหรือ 4×4 Off Road ก็ได้รับการวิจัยพัฒนาจนได้รับการบรรจุเข้าประจำการในราชการสงครามโลก สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อวิบากถูกปลดประจำการ พลเรือนจึงนำมาดัดแปลงสภาพเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมป่าไม้ เหมืองแร่ ฟาร์มไร่ปศุสัตว์ กลุ่มนักผจญภัยใช้ชีวิตกลางแจ้ง (Outdoor Life) ทั้งอเมริกันและอินโดนีเซีย นำมาขับลุยป่าเล่นในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นที่ฮือฮานิยมแพร่หลายทั่วโลก...
เส้นทางที่ขรุขระนี้ มีทั้งระดับง่ายและยาก ตั้งแต่สภาพทางลูกรังธรรมดาไปจนถึงหลุมบ่อและโขดหิน รวมทั้งถนนราดยางที่มีสภาพเป็นหลุมโลกพระจันทร์ และเส้นทางที่ใช้หัดขับหรือเทรนนิ่ง และการแข่งขันออฟโรดทั่วๆ ไป
ก่อนอื่นต้องมาดูองค์ประกอบอื่นๆ กันก่อนที่จะเข้าไปในเรื่องของการขับขี่บรรดากูรูต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ารถออฟโรดที่ดีนั้น ระบบช่วงล่างจะต้องมีการซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ไม่อ่อนยวบยาบหรือแข็งกระด้าง แต่ควรอยู่ในระดับความหนืดที่มีความยืดหยุ่นสูงตอบสนองเร็ว เพราะมีความสำคัญต่อการขับขี่ที่ปลอดภัย หากว่าช่วงล่างมีความแข็งกระด้างเกินไป การซับแรงก็จะด้อยลงไปด้วย อาจส่งผลให้รถเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากช่วงยุบและยืดไม่ดีพอ ช่วงล่างที่ดีต้องสามารถยืดล้อให้สัมผัสพื้นได้มาก รวมทั้งยุบตัวและยันไม่ให้รถเกิดอาการวูบจนเสียการควบคุม จะช่วยให้เราสามารถขับผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้โดยปลอดภัย
ในเรื่องของยางก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ยางที่ดีควรเป็นดอกหยาบแบบ MUD-TERRAIN จะช่วยในการเกาะพื้นผิวขรุขระได้ดีกว่ายางที่มีดอกละเอียด ทั้งนี้ต้องเติมลมยางให้เหมาะสมด้วย จึงจะได้คุณภาพของยางเต็มประสิทธิภาพ เราสามารถเติมลมยางให้อ่อนกว่าการใช้งานในสภาพปกติ ขึ้นอยู่กับขนาดของยางและน้ำหนักตัวรถ ยกตัวอย่าง รถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 ตัน ยางขนาด 31 นิ้ว สามารถเติมลมได้ต่ำถึง 22 ปอนด์ แต่ถ้าเป็นยางขนาด 33 นิ้ว สามารถเติมลมยางได้ถึง 18 ปอนด์ เป็นเพราะมีปริมาณลมมากกว่านั่นเอง หากว่าเติมลมยางอ่อนไปยางอาจหลุดขอบได้
ข้อดีของการเติมลมยางที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสทำให้มีแรงเสียดทานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการปีนก้อนหินหรือรากไม้ หน้ายางจะทำหน้าที่เสมือนมือเกาะสามารถหุ้มอุปสรรคต่างๆ ได้ดีกว่าการใช้ลมยางแข็งๆ และการลดลมยางยังช่วยป้องกันโครงสร้างยางไม่ให้เสียหาย เพราะยางสำหรับรถออฟโรดถูกออกแบบให้แก้มยางมีชั้นโพลีเอสเตอร์(POLYESTER) เพื่อช่วยซับแรงกระแทก มีความหยืดหยุ่นสูง และมีน้ำหนักเบากว่ายางที่ใช้ในการบรรทุกของหนัก
สรุปว่า ในเรื่องของช่วงล่างและการใช้ลมยางที่เหมาะสม จะส่งผลต่อการขับบนเส้นทางแบบออฟโรดได้อย่างมีความปลอดภัยสูงสุด ประกอบกับการขับอย่างถูกวิธี จะทำให้รถบอบช้ำน้อยที่สุด โดยเฉพาะบนเส้นทางที่มีพื้นผิวขรุขระไม่ว่าจะมากหรือน้อยตาม
เมื่อเราขับรถออกนอกเส้นทางที่ราดยาง สิ่งที่จะได้พบก็คือทางลูกรังหรือทางดิน ถ้าไม่ยากเกินไปแนะนำว่า ให้ท่านใช้เกียร์ 4H เพื่อช่วยให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังใช้ความเร็วได้ตามปกติ แต่สิ่งที่ควรระวังในการขับบนถนนลูกรังก็คือ ห้ามการแตะเบรกโดยกะทันหันและการหักเลี้ยวอย่างรุนแรง(การกระชากพวงมาลัยรถ) เพราะทำให้รถเสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุได้
เมื่อพบกับสภาพเส้นทางลูกรังที่เป็นลอนคลื่น ควรลดความเร็วลง เพราะรถอาจจะเกาะถนนไม่ดีนัก โดยเฉพาะหากว่าเราใช้ความเร็วสูง ประกอบกับช่วงล่างและลมยางแข็งเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการร่อนมากขึ้นทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ตามที่ต้องการ
สิ่งที่จะช่วยสร้างเสริมประสบการณ์เพื่อให้เกิดทักษะดีที่สุด คือ การหัดฝึกในสนามเทรนนิ่งหรือสนามทดสอบ อุปสรรคที่จำลองขึ้นไม่ต่างจากเส้นทางจริง ฝึกให้เราได้เรียนรู้หลายๆ ด้าน เช่น การใช้รอบเครื่องยนต์ให้มีความสัมพันธ์กับเกียร์ หรือจะเป็นอุปสรรคลูกระนาดท่อนไม้และดิน อุปสรรคยางรถยนต์ที่นำมากองไว้บนเส้นทาง รวมถึงเนินสลับ ที่ด้านหนึ่งจะเป็นเนินดินส่วนอีกด้านหนึ่งจะขุดเป็นหลุมสลับกันไป เพื่อให้เกิดการบิดตัว จะเห็นว่าอุปสรรคที่กล่าวมานี้ ผู้ขับจะไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ควรขับอย่างมีจังหวะจะโคน เลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสม ซึ่ง WALKING SPEED (เกียร์1L) จะเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่ง