ธารน้ำใจ สู่ผู้ประสบอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย ร่วมกับ MT เจริญยนต์ พ้องเพื่อนๆ ชาวออฟโรดและจิตอาสา

ผลพวงของพายุโพดุล ที่พัดเข้าถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสาน ส่งผลกระทบให้เกิดฝนตกหนักใน 12 จังหวัด ถนนและทางหลวงพังยับหลายสาย หมู่บ้านหลายแห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และหลายๆ หมู่บ้านถูกมวลน้ำถล่มกลายเป็นเมืองบาดาลไปเพียงชั่วข้ามคืน และหนักสุด ในรอบ 40 กว่าปี โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่น จ.ร้อยเอ็ด จ.ศรีสะเกษ จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี

เมื่อวันที่ 10-13 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา สมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย ซึ่งนำทีมโดย ณัฐนันท์ จันทร และ อุไรวรรณ  นิลพลา ได้ร่วมกับMT เจริญยนต์ โดย มณฑล ผาดศรี และ GRAND PRIX MOTOR PARK มี สาธิต  ยศสง่า เป็นตัวแทน พร้อมด้วยพ้องเพื่อนๆ ชาวออฟโรดทั้ง ศรีราชาออฟโรด, พนาไพรออฟโรด, อ.อ๋อ บ่อทอง, ท้ายขบวน ยูนิคอร์น, สมาคมการกุศลกู้ภัยนางรอง และจิตอาสาทุกท่าน ได้รวบรวมธารน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทราจากทั่วประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นสะพานบุญ นำสิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องอุปโภค บริโภค และเงินที่ได้รับบริจาครวมมูลค่ามากกว่า 400,000 บาท เดินทางจากปทุมธานีมุ่งหน้าสู่ อ.พนา จ.อำนาจเจริญ สมทบกับชมรมออฟโรดในพื้นที่ซึ่งมาคอยต้อนรับ ทั้ง ชมรมฅนเมืองป่า 4×4 อำนาจเจริญ, มงคลคาร์เซ็นเตอร์, อุบลเซอร์วิส, ชมรมสตึกออฟโรด, เมืองช้างออฟโรด, คนท่องป่า 4×4 สกลนคร, จิวเล็ก เขาวง, ทีมงาน 3 BB ฯลฯ เพื่อร่วมกันนำสิ่งของและถุงยังชีพไปส่งมอบให้ถึงมือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ถือเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบอุทกภัยในเบื้องต้น

เริ่มจากในช่วงเช้าของวันพุธที่ 11 กันยายน 2562 หลังช่วยกันลำเรียงของบริจาคลงจากรถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 2 คัน เพื่อให้สมาคมการกุศลกู้ภัยนางรองและนักเรียนจากโรงเรียนพนาศึกษาและจิตอาสาในพื้นที่ช่วยกันบรรจุถุงยังชีพ โดยการประสานงานของ คุณประวัติ หน่อแก้ว ประธานชมรมฅนเมืองป่า 4×4 อำนาจเจริญ และอาจารย์ชาตรี เจริญศิริ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากนายอำเภอพนา และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ มาคอยต้อนรับและช่วยบรรจุถุงยังชีพ พร้อมกันนี้ก็มีการมอบถุงยังชีพและข้าวสาร น้ำดื่ม ให้กับตัวแทนจากหมู่บ้านต่างๆ ของ อ.พนา อีกด้วย

กระทั่งในช่วงสายคาราวานสายบุญทั้งหมดกว่า 20 คัน ก็เคลื่อนขบวนเดินทางลงพื้นที่ไปมอบสิ่งของต่างๆ ให้กับผู้ประสบอุทกภัย จุดหมายแรกอยู่ที่ อ.หัวสะพาน ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนักสุดเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ลุ่ม ใกล้กับแม่น้ำเซบาย โดยมีนายอำเภอหัวสะพานให้การต้อนรับ และรับมอบสิ่งร่วมกับทีมงาน 3BB ที่นำสิ่งของมาบริจาคร่วมสมทบ เดินทางต่อสู่ไปมอบสิ่งของให้กับชาวบ้านที่บ้านโนนแคนซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ต่อด้วยการนำสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้งและน้ำดื่มลงเรือไปมอบให้กับชาวบ้านที่บ้านโนนผักหวาน อ.หัวสะพาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากเส้นทางที่ใช้สัญจรรอบด้านถูกน้ำท่วมสูงมากกว่า 3 เมตร ต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะเพียงอย่างเดียวที่สามารถเดินทางเข้าไปได้

ในช่วงบ่ายเย็นขบวนคาราวานรถออฟโรดก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยการนำทีมของ มงคล จุลทัศน์ จาก มงคลคาร์เซ็นเตอร์ ซึ่งมีระดับน้ำท่วมค่อนข้างสูงเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำมูล พร้อมกับร่วมมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้ประสบอุทกภัยวัดบ้านท่าบ่อ เสร็จสิ้นภารกิจของวันนี้ก็ออกเดินทางกลับมายังศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ชมรมฅนเมืองป่า 4×4 อำนาจเจริญ เพื่อพักผ่อนและจัดเตรียมสิ่งของเข้าพื้นที่ต่อในวันรุ่งขึ้น

  ส่วนวันที่ 12 กันยายน 2562 ทางคณะออฟโรดจิตอาสา เริ่มต้นปฏิบัติงานกันต่อในช่วงเช้า เดินทางต่อไปมอบสิ่งของและน้ำดื่มให้กับโรงเรียนพนาศึกษา และอำเภอพนารวมทั้งวัดป่าพนารักษ์ เพื่อนำส่งต่อให้กับชาวบ้านในหลายๆ พื้นที่ จากนั้นก็เดินทางต่อไปมอบถุงยังชีพพร้อมข้าวสารอาหารแห้งที่บ้านโพธิ์ ต.กุดกุง อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ต่อเนื่องไปยังบ้านบอน ต.ม่วง และบ้านดงจงอาง ต.บึงแก อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร และสุดท้ายก่อนพลบค่ำคณะคาราวานออฟโรดทั้งหมดก็เดินทางมาถึง อ.พนมไพร และนำรถบรรทุกสิ่งของทั้งหมดขับฝ่าระดับน้ำที่ท่วมสูงและเชี่ยวกรากเข้าพื้นที่ไปมอบสิ่งของให้กับชาวบ้านที่บ้านดอนเจริญ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำชี และเป็นจุดสุดท้ายของคาราวาน ธารน้ำใจ สู่ผู้ประสบอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามภารกิจในการช่วยบรรเทาทุกข์พี่น้องภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แม้ว่าสิ่งของที่ได้รับมานั้น จะร่วมกันช่วยแจกจ่ายไปจนครบตามเจตนารมย์แล้วก็ตาม เพราะอีกคณะหนึ่งแยกย้ายเดินทางย้อนกลับสู่ จ.อุบลราชธานี เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยต่อ ส่วนอีกคณะแยกย้ายกลับสู่ภูมิลำเนา พร้อมกับมีการตั้งจุดบริจาคสิ่งของต่อ และจะเดินทางไปมอบสิ่งของให้ผู้ประสบอุทกภัยต่อในวันที่ 20-22 กันยายน 2562  

และทั้งหมดนั่นถือเป็นพันธกิจสำคัญของชาวออฟโรดและจิตอาสา เป็นการช่วยบรรเทาทุกข์เบื้องต้นให้กับผู้ประสบกับอุทกภัยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้จะเป็นส่วนหนึ่งเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย และแสดงให้เห็นว่า ชาวออฟโรดและผู้มีจิตอาสา รวมทั้งคนไทยทุกคนไม่เคยนิ่งนอนใจ และพร้อมที่จะเทน้ำใจ ซับน้ำตา ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยทุกคน