รถยนต์พลังงานผสมและพลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ยอดขายรถไฟฟ้าทั้ง 3 ชนิดทั่วโลกจำนวนรวม 324,500 คัน (ในปี 2020) เพิ่มเป็น 14,182,500 คัน (ในปี 2023) หรือ +4,270.4% ใน 3 ปี รถไฟฟ้า BEV ขายได้ 70% ของ 14.182 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ 92.4 ล้านคัน เพิ่มขึ้น +32% จากปี 2022
Lexus RZ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายนี้ เปิดตัวในงาน Bangkok International Motor Show เดือนมีนาคม ปี 2023 เวลาใกล้เคียงกับที่เปิดขายในสหรัฐอเมริกา เป็นรถหรูระดับพรีเมียมอีกคันหนึ่งที่ตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแม้ทุกวันนี้
คำถามมีอยู่ว่า… “Lexus RZ มีอะไรพิเศษ แตกต่าง และแข่งขันกับรถ BEV ของยุโรปได้มากน้อยเพียงใด?
Lexus RZ : ขออนุญาตอ่านออกเสียงว่า “อาร์แซด” ไม่พ้องเสียงกับรถอีกรุ่นหนึ่ง คือ RC ในยี่ห้อเดียวกัน
RZ รถยนต์นั่งตรวจการณ์อเนกประสงค์ (SUV) 5 ประตู 5 ที่นั่ง เป็น Crossover ตัวถังขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ในตลาดบ้านเรา โมเดลแรกของ Lexus ที่พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว แยกอิสระส่งกำลังขับเคลื่อนให้กับล้อคู่หน้าและคู่หลัง หรือขับเคลื่อนทุกล้อตลอดเวลา Lexus เรียกว่า “ไดรฟ์โฟร์” หรือ DRIVE 4 ออกแบบโดย Mr.Daichai Kimura หัวหน้าทีมวิศวกร คือ Mr.Takeshi Watanabe วิจัยพัฒนาที่ Toyota Technical Center Shimoyama (TTCS.) ผลิตที่โรงงาน Toyota Aichi (Motomachi Plant) ใกล้นาโกย่า ญี่ปุ่น
Lexus RZ 450e (MY2024) รหัสแชสซี คือ XEBM15
จัดอยู่ในตลาดรถหรู หรือ World’s Premium Luxury Car BEV กำลัง 312 แรงม้า ช่วงล้อยาวเกือบสามเมตร แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ Premium ราคา 4,190,000 บาท และ Luxury ราคา 3,870,000 บาท รถตรวจการณ์อเนกประสงค์ 5 ประตูท้ายลาดแบบ Hatchback ตัวถังขนาดกลาง (Middle-Size Crossover SUV BEV-AWD) ขนาดตัวรถใกล้เคียงกับ Lexus RX พลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนทุกล้อตลอดเวลา ออกแบบตามหลัก Aerodynamic Wedge-Shaped ค่าความลู่ลม Cd 0.28 ถือว่าลู่ลมมาก
Platform :
แพลตฟอร์ม e-TNGA (Electric Toyota New Global Architecture) แพลตฟอร์มเดียวกับ Toyota BZ4X (ทดแทนรุ่น RAV-4) และ Subaru Solterra
เน้นความแข็งแรงและจุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำ (Highly Rigid Body & Lower Central of Gravity) มากกว่าที่เคย เพราะเป็นรถ BEV แบตเตอรี่แรงสูงที่ติดตั้งใต้พื้นรถนั้นมีน้ำหนักมาก รวมทั้งแรงบิด/แรงฉุดดึงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า/หลังในระบบขับเคลื่อนทุกล้อ
โครงสร้างตัวรถใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการเชื่อมประสานแยกบริเวณ ได้แก่ Laser Screw Welding, Short Pitch Welding และ Adhesive
ชิ้นส่วนตัวถังและแชสซีประกอบด้วยอะลูมิเนียม (ฝากระโปรงหน้า) และเหล็กทนแรงบิดสูง (High Tensile Steel) หลังคาและโครงห้องโดยสารส่วนหน้าและกลางใช้เหล็กกล้า 1470 MPa ทนแรงบิดแรงกระแทกได้สูงแต่น้ำหนักเบา ความเงียบ คือเสน่ห์ข้อแรกของรถ BEV รอบห้องโดสาร RZ จึงบุฉนวนกันเสียงรบกวนจากภายนอกและเสียงที่เกิดจากแรงสั่นสะท้านขณะวิ่งเคลื่อนที่ (NVH.: Noise, Vibration and Harshness)
มิติ-น้ำหนัก-ความจุ :
มิติตัวรถ ได้แก่ 4.805 x 1.895 x 1.635 เมตร (ยาว x กว้าง x สูง) ช่วงล้อ หรือ Wheelbase ยาว 2.850 เมตร นั่งโดยสารนิ่มนวลและทรงตัวดี
ระยะจากกันชนหน้าจรดดุมล้อหน้า 0.995 เมตร ดุมล้อหลังถึงกันชนหลัง 0.960 เมตร ซึ่ง Overhangs นี้สั้นกว่า Lexus ทุกรุ่นที่เคยทำ ล้อคู่หน้าห่างกัน 1.610 เมตร ล้อหลัง 1.620 เมตร แนวเดียวกับรถขับเคลื่อนล้อหลังที่ฐานล้อหลังกว้างกว่าล้อหน้า ใต้ท้องรถสูงจากพื้นราบ 7.9 นิ้วฟุต
ความกว้างในระดับศีรษะ-ห้องโดยสารตอนหน้ากว้าง 0.980 เมตร ตอนหลังกว้าง 0.983 เมตร ระดับไหล่-ห้องโดยสารตอนหน้ากว้าง 1.445 เมตร ตอนหลังกว้าง 1.380 เมตร ช่วงยืดขา-เบาะหน้า 1.070 เมตร เบาะหลัง 0.953 เมตร น้ำหนักตัวรถเปล่า 2,100-2,120 กิโลกรัม (รุ่น Premium) และ 2,090-2,110 กิโลกรัม (รุ่น Luxury) สัมภาระท้ายรถ 550 ลิตร (ไม่พับพนักพิง) และ 1,451 ลิตร (พับพนักพิงเบาะหลัง)
ขุมพลัง :
Lexus RZ เป็นรถไฟฟ้า 100% ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เรียกว่า Lexus e-Axle หน้า/หลัง ส่งกำลังขับเคลื่อนทุกล้อตลอดเวลา (Permanent All-Wheel-Drive)
แบตเตอรี่จำนวน 2 ลูก ลูกเล็กขนาด 12 โวลต์ อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้ารถ ป้อนกระแสไฟให้กับหน้าปัดรถ, ไฟส่องทาง, ไฟสัญญาณ, และชุดกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ แบตเตอรี่แรงสูง (High-Volt Battery) อยู่ใต้พื้นรถ เป็นชนิด Lithium-Ion (Li-ion) จำนวน 96 เซลล์ ขนาดกำลังไฟ 355.2 โวลต์ ความจุ 201 แอมป์ชั่วโมง (Ah) ให้กำลังไฟ 71.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)
ระบบหล่อเย็นตัวแบตเตอรี่เป็นน้ำ (LLC Water Cooling System with HVAC Heater ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม) ปิดผนึกกันน้ำและติดตั้งบริเวณที่ไกลจากการกระแทกชน โดยมีกล่องอิเล็กทรอนิกส์ ESU (Energy Storage Unit) เป็นตัวควบคุมกลางจัดสรร/แบ่งจ่ายกำลังไฟ
หัวชาร์จไฟกระแสสลับ/กระแสตรง (AC&DC) เป็นแบบ Type 2 รองรับกำลังไฟ 11 กิโลวัตต์/หรือความจุกระแสไฟ (CCS) 150 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟบ้าน/ไฟอาคารกำลังไฟ 16 แอมป์ 3 Phases ได้เต็มใน 6.5 ชั่วโมง ชาร์จไฟตู้สถานีบริการในเวลา 30 นาที
มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้า (ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า) ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) หรือ 150 กิโลวัตต์ (Kw) แรงบิดสูงสุด 266.3 นิวตัน-เมตร (Nm) มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลัง (ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง) ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (PS) หรือ 80 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 168.5 นิวตัน-เมตร
รวมกำลังสูงสุด 312 แรงม้า (PS) หรือ 230 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 434.8 นิวตัน-เมตร
DRIVE 4 :
ระบบส่งกำลังขับเคลื่อนทุกล้อตลอดเวลา (Permanent All-Wheel-Drive) เรียกชื่อเฉพาะว่า Lexus DRIVE 4 ลิขสิทธิ์แบบของบริษัทผลิต ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือ e-Axle จำนวน 2 ชุด ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งของเครื่องยนต์และเฟืองท้ายตัวหลัง โดยมีกล่องอิเล็กทรอนิกส์ PCU (Power Control Unit) วิเคราะห์และควบคุมการส่งกำลังจากสถานการณ์ต่างๆ ได้แก่ Gravity-Force, อัตราการหมุนของล้อรถแต่ละล้อ, องศาทิศทางของล้อคู่หน้า, แนวโน้มการเร่งและเบรก
มอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตัวทำหน้าที่ 4 อย่างในตัวเดียวกัน ได้แก่ หนึ่ง-ส่งกำลังขับเคลื่อน, สอง-เกียร์เดินหน้าและถอยหลัง (ชุดเฟืองเกียร์ทดรอบรวมอยู่ในตัว), สาม-กำเนิดไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แรงสูง (เช่น เมื่อถอนคันเร่งหรือว่า Brake ระบบจะใช้พลังงานจลน์หรือ Kinetic Energy หน่วงความเร็วรถเป็นกำลังกลับมาชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่แรงสูง เรียกว่า Regenerative Braking System), และ สี่-เป็นเฟืองท้ายจัดแบ่งกำลังให้กับล้อด้านซ้ายและขวา (Differentials) ทำงานระบบ Synchronous Alternating Current Motor โดยแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ Permanent Magnet Type มอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตัวหมุนได้เร็วถึง 17,000 รอบต่อนาที
การส่งกำลังขับเคลื่อนให้กับล้อหน้า/หลังรวดเร็วมาก เป็น Millisecond ตอบสนองเร็วกว่าระบบส่งกำลังขับเคลื่อนทุกล้อทั่วไป (เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าและสั่งการด้วยไฟฟ้า) จัดสรรอัตราส่วนแรงบิด (Torque) ระหว่างล้อหน้า/หลังแปรผันอัตโนมัติ ดังนี้ เร่งออกรถจากจุดหยุดนิ่ง 20/80% (ล้อหน้า/หลัง), วิ่งทางตรง 40/60% (ล้อหน้า/หลัง), และเลี้ยว 20/80% (ล้อหน้า/หลัง) กอปรกับติดตั้ง PCU ไว้บน Front e-Axle ด้านหน้า ทำให้ Lexus RZ ได้ฟีลลิ่งการขับแนวรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง
Driving Modes:
4 โหมดขับขี่คล้ายๆ Lexus รุ่นอื่นๆ ได้แก่ Normal สมดุลระหว่างประสิทธิภาพกับสมรรถนะ, Sport เน้นสมรรถนะและอัตราเร่ง, Eco ลดการตอบสนองของแรงบิด (Torque) ลดการทำงานของแอร์ปรับอากาศเพื่อประหยัดพลังงาน, และ Range โหมดขับขี่ล่าสุดที่ Lexus จะติดตั้งให้กับรถไฟฟ้าทุกรุ่นนับแต่นี้ไป เพิ่มระยะทางวิ่งให้กับพลังงานไฟฟ้าที่ตัวรถมีอยู่ โดยตัดการทำงานของแอร์ปรับอากาศ, สงวนพลังงานขับเคลื่อน, จำกัดความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
นอกนั้น Range Mode ยังควบคุมการจัดสรรกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหน้า/หลัง เช่น เคลื่อนที่ความเร็วต่ำต่อเนื่อง(Cruising Speed) โหมดนี้อาจตัดการทำงานของ e-Axle ตัวหน้าเพื่อประหยัดพลังงาน
กันสะเทือน-เบรก :
Lexus RZ กันสะเทือนอิสระเต็มตัวสี่ล้อ คอยล์สปริงและโช้คอัพกระบอก 4 มุมตัวรถ กันสะเทือนหน้าเป็น McPherson Strut คอยล์สปริงเส้นโตสวมทับโช้คอัพ มีเหล็กกันโคลง โช้คอัพคู่หน้าวิวัฒนาการใหม่เรียกชื่อเฉพาะว่า FRD (Frequency Reactive Damper) ใช้วาล์วปรับแรงดันน้ำมันโช้ค (ไม่ใช้ไฟฟ้า) ปรับความแข็ง-อ่อนด้วยตัวเองตามสภาพผิวถนนและการขับขี่ ช่วยให้ล้อหน้าแต่ละข้างถูกกดให้สัมผัสผิวถนนแนบแน่น บังคับเลี้ยวได้แม่นยำ (แม้ตัวรถจะเอียงหรือว่าหน้าทรุดหน้าเงย) เสถียรภาพขับขี่มั่นคงมั่นใจ แต่ไม่กระด้างต่อการนั่งโดยสาร เหมาะกับสภาพถนนเมืองไทยที่ระบบกันสะเทือนถุงลมไม่ค่อยชอบนัก
กันสะเทือนหลังแบบปีกนกคู่สัมพันธ์ (Double-Wishbone) โดยมีแขน Trailing Arms โยงยึดตามแนวยาวลำตัวรถไว้เพื่อกันถอยร่น น้ำหนักเบา โดยกันสะเทือนยึดไว้กับ Sub-Frame หลังแน่นหนาแข็งแรงโช้คอัพกระบอกเอนเข้าตัวรถ มีปลอกพลาสติกกันฝุ่น ปลายบนมีแป้นสี่เหลี่ยมอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปอัดแรงยึดกับเบ้าโช้ค ค้ำยันปลายล่างไว้กับปลาย Trailing Arms แยกส่วนติดตั้งกับคอยล์สปริงเส้นหนาตัวอ้วนทรงเตี้ยที่ยันไว้กับปีกนกตัวล่าง แข็งแรงและไร้สนิมเหล็ก
ระบบบังคับเลี้ยวเป็นไฟฟ้า หรือ EPS (Electric Power Steering) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ จานเบรกแบบร่องระบายความร้อน (Ventilated Disc) ทั้งหน้า/หลัง หม้อลมเบรกผสมระหว่างไฮดรอลิกกับไฟฟ้า เรียกว่า AHB-G Brake System กล่าวคือ หม้อลมเบรกแบบ Active Hydraulic Brake Booster ให้คุณสมบัติไวต่อการสั่งการ กระจายแรงดันน้ำมันเบรกล้อหน้า/หลัง สมดุลต่อการใช้งานขับขี่ (Brake-Force Distribution) โดยที่ตัว Regulator เบรกชุดหน้าและหลังทำงานอิสระต่อกัน
หลักการทำงานแบบ Vehicle Braking Posture Control กล่าวคือ ระบบเบรกปรับตัวอัตโนมัติ 2 สถานะ ได้แก่ เหยียบเบรกปกติ (Initial Braking) ให้ความรู้สึกมั่นใจว่ารถชะลอความเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ และเหยียบเบรกรุนแรง (More Pressure Brake) ระบบสั่งให้เบรกหลังทำงานก่อน แล้วรุนแรงที่เบรกหน้า เพื่อลดอาการหน้ารถทิ่ม/ท้ายเชิด ยางล้อใช้ยางชนิดพิเศษสำหรับรถ BEV โดยเฉพาะ รุ่น Premium ล้อหน้าขนาด 235/50 R 20 ล้อหลังขนาด 255/45 R 20 รุ่น Luxury ล้อหน้า 235/60 R18 ล้อหลัง 255/55 R18
ความปลอดภัย :
Lexus Safety System Plus คือ รวมระบบนิรภัยยานยนต์เข้ากับระบบอัจฉริยะเสริมขับขี่ปลอดภัย (ADAS.: Advanced Driving Assistant System) เทคโนโลยีก้าวหน้าเทียบเท่ารถหรูของยุโรป เช่น Pre-Collision System with Pedestrian Detection & Intersection Support, TCA หรือ Lane Tracing Assist, Lane Departure Alert with Steering Assist, Road Sign Assist
All-Speed Dynamic Radar Cruise Control with Curve Speed Management, Intelligent High Beams, Lexus Teammate Advanced Park, RCSTA หรือ Rear Cross Traffic Alert, BSM หรือ Blind Spot Monitor, Panoramic View Monitor, SEA หรือ Safe Exit Assist with E-Latch, Advanced Park 6 Function
Single-Stage Driver’s Airbag, Dual-Stage Front Passenger Airbags, Front Knee Airbags, Side Airbags, Curtain Shield Airbags
สมรรถนะ-เทคโนโลยีเด่น :
อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าอยู่ในเกณฑ์ 6.69-6.79 กิโลกรัมต่อแรงม้า Energy Consumption = 183 Wh/Km (Watt-Hours per Kilometer) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ระยะทางต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง 470 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ความเห็น :
Lexus ก่อตั้งปี 1989 เป็น Brand Differentiate แยกตัวจาก Toyota ด้วยเหตุผลของ Brand Image เข้าชิงส่วนแบ่งตลาดรถพรีเมียมของโลก ไม่ว่าจะเป็นรถหรูอเมริกันหรือว่ายุโรปก็ตาม โดยถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญการผลิตจาก Toyota Century อัครยานยนต์ ล่าสุดในเดือนเมษายน ปี 2024 Lexus ติด “อันดับหนึ่ง” ในความพึงพอใจจากลูกค้าที่ซื้อใช้รถ ผลสำรวจโดย Consumer Reports Organization USA องค์กรอิสระ (ไม่แสวงหาผลประโยชน์) ในสหรัฐอเมริกา
ในปี 2023 ยอดขาย Lexus ทุกรุ่นทั่วโลก 824,258 คัน (+132%) เฉพาะตลาดเอเชียตะวันออก +165% จากปี 2022 สัดส่วนการขายรถไฟฟ้าทุกรุ่นอยู่ที่ 47% ของยอดขายรวม คาดการณ์ว่า รถไฟฟ้า หรือ Electrify เพิ่มสัดส่วนขึ้นแน่นอน แม้ว่า Toyota พยายามผลักดัน Hydrogen Fuel Cell Electric Vehicle อยู่ก็ตาม
Lexus RZ เป็นรถ BEV ที่น่าสนใจมากคันหนึ่งในตลาดไทยปัจจุบัน ศักยภาพ ประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีความปลอดภัย สมรรถนะ รวมทั้งความคุ้มค่าต่อการซื้อหาครอบครอง (Value for Money) และความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ (Proud-to-Own) ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ารถยุโรปพรีเมียมแต่อย่างใด
การออกแบบภายนอกตัวรถอาจยังดูเฉยๆ รู้สึกว่ามุ่งเน้นสไตล์ที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ แต่ภายในห้องโดยสารรวมทั้งแผงหน้าปัดและสวิตช์ควบคุม ถือว่า Amazing มากๆ เหมือนกับนั่งอยู่ในยานอวกาศ ทว่า ขับใช้ง่ายมือ หรือ Easy-to-Drive
เทคโนโลยีเด่น ได้แก่ ระบบส่งกำลังขับเคลื่อนทุกล้อตลอดเวลา “DRIVE 4” หรือ ไดรฟ์-โฟร์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของ Lexus ซึ่งใช้ e-Axles สองตัวหน้า/หลัง โดยเขียนรายละเอียดไว้แล้วข้างต้น เป็นความฉลาดของทีมวิศวกรบริษัทผลิตที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเพื่อรถ BEV โดยเฉพาะ
ประโยชน์ที่ผู้ใช้พึงได้ ได้แก่ All-Wheel-Driving Force, Steady-in-Line, Smooth Direction in Bends, Excellent Steering Feedback, Easy Acceleration Out of Bends, และ Confidence in Bends
การรับประกันคุณภาพและแบตเตอรี่แรงสูง 8 ปี ค่าใช้จ่ายในการตรวจเช็กตามระยะที่ราคาถูกมาก เป็นข้อหักล้างความกังวลใจในการขับใช้รถ BEV ที่ลูกค้าได้ยินมา
รายละเอียดตัวรถที่เกินกว่าบทความนี้ ต้องสอบถามจากพนักงานขาย Lexus ขอบคุณมากครับ.
เรื่อง: พีระพงษ์ กลั่นกรอง
