การขับรถลุยน้ำหรือข้ามน้ำ TECHNIQUE IN DRIVING ACROSS WATER LANDSCAPE

4x4 ACADEMY

ช่วงนี้ประเทศไทยของเราโดยเฉพาะภาคอีสาน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากพายุฝนที่กระหน่ำลงมาก่อนหน้านี้ หลายพื้นที่ทั้ง ขอนแก่น ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก รวมทั้งอีกหลายๆ พื้นที่ของเมืองไทยในช่วงนี้ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองหลวงและปริมณฑล ครั้งนี้เราจึงมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการขับรถลุยน้ำมาฝากกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยที่รถไม่เสียหาย

อันตรายอย่างมาก หากว่าน้ำลึกและมีกระแสเชี่ยวกราก หมายถึงความเสียหายและสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ

ขึ้นชื่อว่า“น้ำ” เป็นอุปสรรคหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะหากว่า มีความลึก ความเชี่ยวของกระแส หรือลักษณะของเส้นทางที่อยู่ใต้น้ำ อย่าคิดว่าน้ำตื้นๆ จะไม่มีอันตราย เราต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ ห้ามใช้ความเร็วโดยเด็ดขาดเพราะรถจะเสียการควบคุมได้ง่าย หรือน้ำอาจจะกระจายเต็มกระจกบดบังทัศนวิสัยหรือเข้าห้องเครื่อง หรือไม่ก็อาจจะกระเด็นไปถูกคนและรถคันอื่นได้

วิธีการปฏิบัติและเตรียมตัวก่อนข้ามน้ำ การขับข้ามน้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมจากอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ หรือน้ำในธรรมชาติก่อนอื่นเราควรทำการสำรวจความลึก พื้นผิวใต้น้ำ และกระแสน้ำทุกครั้งว่าเป็นอย่างไร มีโขดหิน หลุม อยู่บริเวณใดบ้าง ถ้าให้ปลอดภัยจริงๆ ต้องเดินลุยน้ำเท่านั้น ยกเว้นว่าเส้นทางที่เราคุ้นเคยและใช้อยู่เป็นประจำก็พอจะอนุโลมได้ ไม่ใช่ขับข้ามไปเพียงครึ่งเดียวแล้วรถติดอยู่กลางน้ำ จะเดินหน้าถอยหลังก็ยากลำบาก

ในเส้นทางที่เราไม่คุ้นชิน หรือเสี่ยงที่จะขับข้ามไป ควรมีคนเดินนำหรือบอกทางจะปลอดภัยที่สุด

            เมื่อพร้อมจะข้ามน้ำให้ปลดคาดเข็มขัดนิรภัยออก ปิดแอร์ ลดกระจกหน้าลงให้สุด ปลดล็อกประตูทุกบาน ป้องกันการลัดวงจรของกระแสไฟฟ้า (กรณีที่มีระบบไฟฟ้า) ด้วยเหตุว่าในกรณีฉุกเฉินรถอาจจะจมน้ำถึงในระดับที่เป็นอันตราย ผู้ที่อยู่ในรถจะสามารถมุดออกมาได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งสะดวกต่อผู้ที่เข้าไปช่วยเหลืออีกด้วย ขณะที่ขับข้ามเราต้องมีสติรอบคอบ หากมีอาการตื่นเต้นอยู่ก็ยังไม่ควรที่จะตัดสินใจขับลงน้ำ


ขณะที่ขับข้ามเราต้องมีสติรอบคอบ หากมีอาการตื่นเต้นอยู่ก็ยังไม่ควรที่จะตัดสินใจขับลงน้ำ โดยเฉพาะในเส้นทางที่น้ำไหลเชี่ยว
ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในเขตเมือง เพราะถ้าขับด้วยความเร็วและแรง นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนสองข้างทางแล้ว ยังอาาจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

การเลือกใช้เกียร์ เกียร์ที่เหมาะในการขับข้ามน้ำที่สุด แน่นอนว่าถ้าเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ควรใช้เกียร์ 1 (4L) เพราะสามารถใช้ WALKING SPEED ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะเป็นเกียร์ที่ทำให้เครื่องยนต์ดับยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับน้ำที่ลึกพอสมควร ส่วนรถขับเคลื่อนสองล้อนั้น ควรใช้เกียร์ 1 เป็นหลัก แต่กระนั้นก็ถือว่าเสี่ยงอยู่พอสมควรหากกระแสน้ำมีความเชี่ยวและลึก ดังนั้นจึงต้องอาศัยดุลยพินิจของผู้ขับเป็นหลัก หากเสี่ยงเกินไปควรยกเลิกผ่านเส้นทางนั้น

ขณะขับผ่านน้ำไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์สูงหรือใช้ความเร็ว รักษาความเร็วและรอบเครื่องยนต์ให้คงที่ ไม่ควรเปลี่ยนเกียร์เพราะเครื่องยนต์อาจสะดุดหรืออาจทำให้เสียจังหวะจนทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ตลอดเวลาที่อยู่ในน้ำ ผู้ขับจะต้องมีสติ และใช้ความระมัดระวังสูงสุด เพราะสภาพเส้นทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สาเหตุเพราะน้ำเป็นตัวแปรที่ไม่สามารถคาดเดาได้มากนัก อย่างไรก็ตาม ควรเลือกไลน์เดิมของรถที่ขับผ่านแล้ว และหลีกเลี่ยงการเปิดเส้นทางใหม่ที่ยังไม่ได้เดินสำรวจสภาพใต้น้ำ


รักษาความเร็วและรอบเครื่องยนต์ให้คงที่ ไม่ควรเปลี่ยนเกียร์เพราะเครื่องยนต์อาจสะดุดหรืออาจทำให้เสียจังหวะจนทำให้เครื่องยนต์ดับได้
สำหรับรถออฟโรดนั้น ค่อนข้างได้เปรียบรถประเภทอื่นๆ พอสมควร นอกจากความสูงที่มากกว่าแล้ว ยังมีเกียร์ SLOW ช่วยเพิ่มแรงบิดและทำให้เครื่องยนต์ดับยากอีกด้วย
สำหรับเก๋งหรือรถที่ไม่สูงมากนัก มีโอกาสเสี่ยงมากที่สุด หากจะต้องเผชิญกับน้ำท่วม หากระดับน้ำสูงเกินไปควรหลีกเลี่ยงในการขับผ่าน

ถ้าระดับน้ำลึกมากจนอาจเป็นอันตราย ถึงแม้จะไม่มีกระแสน้ำก็ไม่ควรเสี่ยงที่จะข้ามไป เพราะรถจะไม่สามารถสู้กับแรงต้านของกระแสน้ำได้และจมในที่สุด จึงไม่ควรประมาทโดยเฉพาะรถที่ไม่มีสนอร์เกิ้ล( SNORKEL) ระดับที่ไอดีจะอยู่สูงประมาณไฟหน้ารถ ดังนั้นถ้าน้ำลึกจนมิดยางก็ไม่ควรขับลงไป วิธีการที่ชาวบ้านใช้แก้ปัญหา ก็คือ การใช้ผ้าพลาสติกปิดกระจังหน้ารถ โดยใช้ฝากระโปรงหนีบไว้จะช่วยดันน้ำให้ออกข้างรถได้สักระยะหนึ่ง แต่ถ้ามีการติดตั้งสนอร์เกิ้ล ก็ไม่ควรให้ระดับน้ำลึกเกินหน้าอกของท่านเอง เพราะรถจะลอยและเป็นไปไม่ได้ ที่จะขับในน้ำลึกถึงปลายสุดของท่อสนอร์เกิ้ล

ถ้าไม่ใช่รถออฟโรดระดับ BIG FOOT ห้ามเสี่ยงในการลุยน้ำลึกโดยเด็ดขาด

ในรถธรรมดาทั่วๆ ไป มักจะไม่มีใครติดสนอร์เกิ้ลกันอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อป้องกันน้ำกระแทกกับกระจังหน้าอย่างจัง อันจะส่งผลเกิดความเสียหาย จากใบพัดไปตีหม้อน้ำและห้องเครื่อง ใช้ผ้าพลาสติกปิดกระจังหน้ารถก็ช่วยได้เยอะ

ถ้ากระแสน้ำไหลแรง การขับข้ามในแนวตัดตรง จะทำให้รถถูกน้ำดันไม่สามารถควบคุมรถได้ ควรขับตัดเป็นมุมทแยง 45 องศา กับกระแสน้ำ โดยขับไปครึ่งทางแล้วปล่อยให้กระแสน้ำพัดให้รถกลับสู่ทิศทางเดิมจนถึงฝั่งตรงข้าม หากขับตัดมากเกินไปกระแสน้ำจะพัดท้ายรถให้ไปตามน้ำ ทำให้ตัวรถเกิดการขวางลำ และไม่สามารถบังคับให้ไปในทิศทางที่ต้องการได้ หากขับตัดกระแสน้ำน้อยเกินไป จะทำให้ด้านข้างของตัวถังรถต้านน้ำอาจเกิดการลอยของตัวรถจนล้อไม่สัมผัสกับพื้นผิวใต้น้ำ ก็จะไม่สามารถควบคุมรถได้เช่นกัน

แล้วเดี๋ยวครั้งหน้าเรามาดูวิธีการตรวจเช็ครถหลังจากผ่านการข้ามน้ำมาแล้วครับ…


ถ้ากระแสน้ำไหลแรง การขับข้ามในแนวตัดตรง จะทำให้รถถูกน้ำดันไม่สามารถควบคุมรถได้ ควรขับตัดเป็นมุมทแยง 45 องศา กับกระแสน้ำ


Related Posts